ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาหลากหลาย และราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยรอการทะลุแนวต้าน
2025-12-17 10:36:26
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 64,000 คนในเดือนพฤศจิกายน สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 50,000 คน ขณะที่ตัวเลขในเดือนตุลาคมถูกปรับลดลงเหลือ -105,000 คน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% จากเดิม 4.4% และค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของการเติบโตของค่าจ้าง
โดยรวมแล้ว ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แต่การเติบโตชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปี 2026 ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลง 25 จุด แต่เจ้าหน้าที่ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคต เจ้าหน้าที่บางส่วนคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ในขณะที่บางส่วนเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีก และนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในขณะเดียวกัน ตลาดจะจับตาดูสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก จอห์น วิลเลียมส์ และประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนตา ราฟาเอล บอสติก ความเห็นใดๆ ที่แสดงถึงท่าทีแข็งกร้าวอาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำในระยะสั้น
นอกจากนี้ การประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความคาดหวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ แรงกดดันต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นอีกแรงผลักดันสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ
ในระยะสั้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเนื่องจากข้อมูลการจ้างงานที่ไม่สอดคล้องกันและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายในอนาคต ซึ่งลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน และจึงเพิ่มความน่าสนใจของทองคำ
โดยรวมแล้ว ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐาน แต่ความผันผวนและการปรับฐานในระยะสั้นก็เป็นไปได้เช่นกัน
จากมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำแสดงให้เห็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในกราฟรายวันและกราฟ 4 ชั่วโมง ในกราฟรายวัน ราคาทองคำอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญอย่างมั่นคง และดัชนี RSI อยู่เหนือ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้น ระดับแนวต้านอยู่ที่ 4350 ดอลลาร์ (ราคาสูงสุดของวันที่ 15 ธันวาคม) และราคาสูงสุดในอดีตที่ 4381 ดอลลาร์ ในขณะที่ระดับแนวรับอยู่ที่ 4270 ดอลลาร์และ 4230 ดอลลาร์
โครงสร้างกราฟรายวันโดยรวมแสดงให้เห็นสัญญาณของการรวมตัวกันในระดับสูงหลังจากมีการเคลื่อนไหวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยแนวโน้มยังคงเอนเอียงไปทางขาขึ้น ในทางกลับกัน กราฟ 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นการแกว่งตัวในระยะสั้น โดยราคาทรงตัวอยู่เหนือเส้น EMA 100 วัน การที่ Bollinger Bands กว้างขึ้นบ่งชี้ถึงความผันผวนในระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น และ RSI อยู่เหนือเส้นกลาง
ระดับแนวรับและแนวต้านระยะสั้นสอดคล้องกับกราฟรายวันเป็นส่วนใหญ่ โดยช่วงการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4270–4350 การทะลุเหนือ 4350 ดอลลาร์ด้วยแท่งเทียนบวกติดต่อกันอาจกระตุ้นให้เกิดแนวโน้มขาขึ้นใหม่ ในทางกลับกัน หากมีแท่งเทียนลงติดต่อกันหลายแท่ง ควรทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันขาลงในระยะสั้น
โดยรวมแล้ว ราคาทองคำยังคงรักษาระดับขาขึ้นในระยะสั้น แต่ตัวชี้วัดทางเทคนิคบ่งชี้ว่าอาจกำลังเข้าสู่ช่วงการปรับฐานในระดับสูง และตลาดต้องการเวลาในการปรับตัวหลังจากที่เพิ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้

หมายเหตุจากบรรณาธิการ:
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปัจจุบันบ่งชี้ถึงช่วงของการปรับฐานหลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความคาดหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โดยมีปัจจัยทางเทคนิคสนับสนุนการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นต่อไป อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสนใจกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟด ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE) ต่อความเชื่อมั่นของตลาด
- ข้อควรระวังและข้อยกเว้นความรับผิดชอบ
- การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาพิจารณาให้รอบคอบ ข้อมูลในบทความนี้ใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้พิจารณาเป้าหมายการลงทุน พฤติกรรมทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บางราย การลงทุนโดยอ้างอิงจากบทความนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง