ทรัมป์ประกาศอย่างน่าตกใจ: สหรัฐฯ และเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงการค้าสำคัญพร้อมภาษีนำเข้า 15%! เกาหลีใต้ลงทุน 350,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ
2025-07-31 10:55:23

พื้นหลังการเจรจาต่อรอง: เกมภายใต้เงาของภาษีศุลกากร
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาหลายครั้งว่าจะขึ้นภาษีนำเข้ากับหลายประเทศ รวมถึงเกาหลีใต้ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เนื่องด้วยวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ภาษีมีผลบังคับใช้ใกล้เข้ามา รัฐบาลทรัมป์จึงเร่งเจรจากับเกาหลีใต้ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้าเกาหลีใต้สูงถึง 25% ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ 10 อันดับแรกและพันธมิตรสำคัญในเอเชียของสหรัฐฯ ในฐานะผู้ส่งออกชิปคอมพิวเตอร์ รถยนต์ และเหล็กกล้ารายใหญ่ของโลก การปรับภาษีใดๆ อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
ทรัมป์ประกาศข้อตกลงดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ Truth Social หลังการพบปะกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ที่ทำเนียบขาว โดยระบุว่าเป็น "ข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมและสมบูรณ์" ข่าวนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เพราะขนาดของข้อตกลงเท่านั้น แต่ยังถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญอีกครั้งของรัฐบาลทรัมป์ในด้านนโยบายการค้าอีกด้วย
ไฮไลท์ของข้อตกลง: การล็อคภาษีศุลกากรและการลงทุนครั้งใหญ่
ภาษีศุลกากรลดลงเหลือ 15% บรรเทาแรงกดดันการส่งออกของเกาหลีใต้
ภายใต้ข้อตกลงนี้ อัตราภาษีนำเข้าจากเกาหลีใต้ของสหรัฐฯ ถูกกำหนดไว้ที่ 15% ซึ่งต่ำกว่าอัตราภาษี 25% ที่เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้อย่างมาก อัตราภาษีนี้ไม่เพียงแต่ต่ำกว่าคู่แข่งรายใหญ่ของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมการส่งออกที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับบริษัทเกาหลีใต้อีกด้วย ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ โพสต์บนเฟซบุ๊กว่าข้อตกลงนี้ "ก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญ" และประสบความสำเร็จในการขจัดความไม่แน่นอนในตลาดส่งออก
นายโฮเวิร์ด ลัทนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์เกาหลีใต้จะยังคงอยู่ที่ 15% ขณะที่การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และยาจะไม่ถูกลงโทษรุนแรงกว่าประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ ภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม และทองแดงของสหรัฐฯ ยังคงเดิม ทำให้อุตสาหกรรมเกาหลีใต้มีช่องว่างในการเจรจา อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ยังชี้แจงด้วยว่าจะไม่เปิดตลาดข้าวและเนื้อวัวให้กับสหรัฐฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการเกษตรอีกต่อไป
เกาหลีใต้ลงทุน 350,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของข้อตกลงนี้คือความมุ่งมั่นของเกาหลีใต้ที่จะลงทุน 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกา เพื่อนำไปใช้ในโครงการสำคัญที่รัฐบาลทรัมป์เลือก คิม ยอง-บอม ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่า การลงทุนครั้งใหญ่ครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการต่อเรือ ชิป พลังงานนิวเคลียร์ แบตเตอรี่ และชีวเภสัชภัณฑ์ โดย 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะถูกใช้เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการต่อเรือระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ขณะที่อีก 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะครอบคลุมโครงการเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสีเขียว เงินทุนนี้ไม่เพียงแต่ครอบคลุมแผนการลงทุนใหม่ของบริษัทเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงการลงทุนที่มีอยู่เดิมด้วย โดยมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดเพื่อความโปร่งใสและประสิทธิผลของเงินทุน
การจัดหาพลังงานและการเปิดตลาด
นอกจากคำมั่นสัญญาการลงทุนแล้ว เกาหลีใต้ยังตกลงที่จะซื้อผลิตภัณฑ์พลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว ภายในสามปีครึ่งข้างหน้า แผนการซื้อนี้เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องหลักของทรัมป์ในการเจรจาการค้า ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของอุตสาหกรรมพลังงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุว่าเกาหลีใต้จะเปิดตลาดสินค้าสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ รถบรรทุก และสินค้าเกษตร โดยไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าเหล่านี้ การดำเนินการครั้งนี้จะขยายส่วนแบ่งตลาดสินค้าสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้และสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ให้กับบริษัทอเมริกัน
เบื้องหลัง: การปรึกษาหารืออย่างเข้มข้นระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
ทีมเจรจาของเกาหลีใต้
ข้อตกลงนี้บรรลุผลได้จากการหารือระดับสูงอย่างเข้มข้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ คู ยุน-ชุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลังของเกาหลีใต้ คิม จอง-กวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน และยอ ฮัน-กู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า ได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก่อนการลงนาม เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ หลายรอบ เชื่อกันว่าทั้งสองได้พบปะโดยตรงกับทรัมป์ไม่นานก่อนที่จะมีการประกาศข้อตกลง ซึ่งนำไปสู่การสรุปรายละเอียดต่างๆ
สำหรับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อี แจ-มยอง ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งใหม่ การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบทางการทูตครั้งสำคัญครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เขาประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า ข้อตกลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับสภาพแวดล้อมการส่งออกของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นในความร่วมมือระหว่างสองประเทศในอนาคตอีกด้วย ทรัมป์ประกาศว่า อี แจ-มยอง จะเดินทางเยือนทำเนียบขาวภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เพื่อร่วมการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การตอบรับที่ดีจากองค์กร
ควบคู่ไปกับการเจรจากับรัฐบาล บริษัทต่างๆ ในเกาหลีใต้ก็กำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเช่นกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และเทสลา ได้ลงนามข้อตกลงจัดซื้อชิปมูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งให้การสนับสนุนที่สำคัญยิ่งต่อรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของเทสลา นอกจากนี้ แอลจี เอ็นเนอร์จี โซลูชั่น ผู้ผลิตแบตเตอรี่ของเกาหลีใต้ ยังได้บรรลุข้อตกลงมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับเทสลา เพื่อจัดหาแบตเตอรี่ลิเธียมไออนฟอสเฟต (LFP) สำหรับระบบกักเก็บพลังงานของเทสลา ความร่วมมือระดับองค์กรเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ในภาคเทคโนโลยีขั้นสูง
แนวโน้มในอนาคต: โอกาสและความท้าทายอยู่ร่วมกัน
แม้ว่าข้อตกลงนี้จะนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ แต่หลายประเด็นยังคงไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น โครงสร้างเฉพาะ แหล่งเงินทุน และกรอบระยะเวลาการดำเนินการของการลงทุนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงต้องการความชัดเจนเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผลกระทบผูกพันของข้อตกลงทั้งสองฝ่ายและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามข้อตกลงก็ก่อให้เกิดความกังวลเช่นกัน ทรัมป์กล่าวว่าจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนของเกาหลีใต้ในสหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่งบ่งชี้ว่าความคืบหน้าของข้อตกลงนี้ควรค่าแก่การให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
เงินวอนเกาหลีใต้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากทราบข่าวนี้ โดยเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ 1,386.80 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวขึ้นและยอมอ่อนค่าลง อัตราแลกเปลี่ยนเงินวอนต่อดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ที่ 1,397.28 จุด และปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 1,391.80
- ข้อควรระวังและข้อยกเว้นความรับผิดชอบ
- การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาพิจารณาให้รอบคอบ ข้อมูลในบทความนี้ใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้พิจารณาเป้าหมายการลงทุน พฤติกรรมทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บางราย การลงทุนโดยอ้างอิงจากบทความนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง