ข้อมูลเศรษฐกิจหนุนค่าเงินปอนด์อังกฤษ แต่ตัวชี้วัดทางเทคนิคในระยะสั้นต้องระวังการย่อตัว
2025-08-14 20:20:23

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากสหราชอาณาจักรบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) หลีกเลี่ยงการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งสนับสนุนให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น ก่อนหน้านี้ BoE ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน เหลือ 4.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนนี้ และยังคงแนวทางการขยายตัวทางการเงินแบบ "ค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวัง" แม้ว่ากระบวนการตัดสินใจจะตึงเครียด โดยมีสมาชิก 4 ประเทศสนับสนุนให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายกลับสนับสนุนให้ลดอัตราดอกเบี้ย
ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงท่ามกลางการคาดการณ์ของตลาดอย่างกว้างขวางว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนกันยายน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ 97.60 ซึ่งช่วยหนุนค่าเงินปอนด์ให้แข็งค่าขึ้น นักลงทุนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ลง 25 จุดพื้นฐานในเดือนกันยายนได้เกือบเต็มกำลังแล้ว เครื่องมือ FedWatch ของ CME ระบุว่า ความคาดหวังของตลาดต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดกำลังเพิ่มขึ้น และขนาดและจังหวะเวลาของการลดอัตราดอกเบี้ยอาจสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านเทคนิค
จากมุมมองทางเทคนิค หลังจากการดีดตัวกลับอย่างแข็งแกร่งเมื่อเร็วๆ นี้ ราคา GBP/USD ได้เข้าใกล้ระดับ 1.3600 ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับบนของ Bollinger Bands เช่นกัน กราฟแสดงให้เห็นว่าหลังจากผ่านช่วงการปรับฐานและการปรับตัวลดลงมาระยะหนึ่ง อัตราแลกเปลี่ยนได้ไปพบแนวรับที่ 1.3140 และดีดตัวกลับเข้าสู่บริเวณแนวต้านปัจจุบัน

เส้น Bollinger Bands บ่งชี้ว่าราคากำลังแกว่งตัวใกล้เส้นบน ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินปอนด์อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อไปหลังจากทะลุแนวต้านนี้ แต่ควรระมัดระวังความเสี่ยงที่จะเกิดการทะลุแบบหลอก (false breakout) ราคาเคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.3788 เป็นเวลาสั้นๆ แต่ไม่สามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ ส่งผลให้เกิดความผันผวนในการซื้อขาย ดังนั้น การเคลื่อนไหวต่อไปจะขึ้นอยู่กับว่าเงินปอนด์จะสามารถทะลุแนวต้านนี้และมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นได้หรือไม่ หรือจะย่อตัวลงทดสอบแนวรับด้านล่างอีกครั้ง
ตัวบ่งชี้ MACD แสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน เส้น MACD ปัจจุบันอยู่เหนือเส้นสัญญาณ บ่งชี้ว่าแรงซื้อของตลาดยังคงแข็งแกร่งในระยะสั้น
การสังเกตความรู้สึกของตลาด
ความเชื่อมั่นของตลาดมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเงินปอนด์อังกฤษอย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหราชอาณาจักร แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การคาดการณ์นี้ยิ่งเพิ่มแรงขายต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และหนุนให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น เมื่อความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ความต้องการเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็ลดลง ทำให้เงินปอนด์น่าดึงดูดใจในตลาดมากขึ้น
แม้ว่าแนวโน้มขาขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษจะได้รับแรงหนุนจากข้อมูลพื้นฐาน แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางเทคนิคอยู่บ้าง เส้น Bollinger Bands ด้านบนก่อตัวเป็นแนวต้านระยะสั้น ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการแข็งค่าของเงินปอนด์อย่างต่อเนื่อง หากอัตราแลกเปลี่ยนไม่สามารถทะลุผ่านเส้น Upper Bands นี้ได้ อาจเกิดการย่อตัวหรือการรวมตัว ซึ่งจะจำกัดแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น
แนวโน้มตลาด
แนวโน้มขาขึ้น:
มองไปข้างหน้า หากเงินปอนด์อังกฤษสามารถทะลุแนวต้านทางเทคนิคปัจจุบันที่ 1.3600 และยืนเหนือระดับสูงสุดที่ 1.3788 ได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าเงินปอนด์จะปรับตัวสูงขึ้นและท้าทายเป้าหมายที่สูงกว่าที่ประมาณ 1.4000 เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรและการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด เงินปอนด์อังกฤษมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกกดดัน และจะได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของตลาดที่มองโลกในแง่ดีมากขึ้น
แนวโน้มขาลง:
อย่างไรก็ตาม หากเงินปอนด์ไม่สามารถทะลุแนวต้านปัจจุบันได้ อาจเผชิญกับแรงขายอย่างรุนแรงที่บริเวณ 1.3600 ซึ่งจะดันอัตราแลกเปลี่ยนกลับไปสู่แนวรับที่ 1.3270 การหลุดแนวรับนี้ลงไปอีกอาจเปิดช่องให้ราคาปรับตัวลดลงอีก ซึ่งอาจทดสอบแนวรับรองที่ 1.3140 อิทธิพลร่วมกันของปัจจัยทางเทคนิคและความเชื่อมั่นของตลาด หมายความว่าแนวโน้มระยะสั้นของเงินปอนด์ยังคงไม่แน่นอน
- ข้อควรระวังและข้อยกเว้นความรับผิดชอบ
- การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาพิจารณาให้รอบคอบ ข้อมูลในบทความนี้ใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้พิจารณาเป้าหมายการลงทุน พฤติกรรมทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บางราย การลงทุนโดยอ้างอิงจากบทความนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง