การวิเคราะห์น้ำมันดิบ: เมื่อใกล้ถึงกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากร ราคาน้ำมันดิบจะผันผวนและลดลงประมาณ 1%
2025-07-22 19:57:18
ราคาน้ำมันร่วงลงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่านโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลก มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของสหภาพยุโรปต่อบริษัทรอสเนฟต์ รวมถึงการห้ามเรือ “กองเรือเงา” 105 ลำจากท่าเรือในสหภาพยุโรป ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดเชื่อว่ารัสเซียสามารถหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรผ่านช่องทางอื่นๆ ได้
ตลาดน้ำมันดิบขาดทิศทางที่ชัดเจนนับตั้งแต่การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ความกังวลด้านอุปทานที่ลดลงในตะวันออกกลางและการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตต่างๆ ได้จำกัดการขึ้นของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ซื้อขายในกรอบแคบๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสินค้าคงคลังทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำระหว่างช่วงที่มีความต้องการสูงสุดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งช่วยพยุงราคาน้ำมัน แต่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลางและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อาจทำให้เกิดความผันผวนมากขึ้น
มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหภาพยุโรปและนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิงทั่วโลกและกดดันให้ราคาน้ำมันลดลง บลูมเบิร์กรายงานว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่สหภาพยุโรปผ่านมาตรการคว่ำบาตรรอบที่ 18 ต่ออุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย แต่นักวิเคราะห์ยังคงกังขาเกี่ยวกับประสิทธิผลของมาตรการคว่ำบาตร
ตลาดกำลังให้ความสนใจต่อมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ของสหรัฐฯ (รวมทั้งการลดเพดานราคาของน้ำมันดิบรัสเซียลงเหลือ 47.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) และนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความต้องการเชื้อเพลิงทั่วโลกและจำกัดการขึ้นของราคาน้ำมัน
สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำพูดของ Homayoun Falakshahi นักวิเคราะห์ของบริษัท Kpler ที่กล่าวว่าผลกระทบที่แท้จริงของมาตรการคว่ำบาตรต่ออุปทานน้ำมันของรัสเซียอาจต่ำกว่าที่คาดไว้ และราคาน้ำมันอาจยังคงผันผวนในช่วง 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น
ความเสี่ยงด้านภาษีศุลกากร
ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น หากมองไปข้างหน้า การกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากรในวันที่ 1 สิงหาคมอาจทำให้ตลาดมีการตั้งรับมากขึ้น แต่ทรัมป์ก็มีแบบอย่างในการเลื่อนกำหนดเส้นตายหรือลดความสำคัญของภัยคุกคาม ดังนั้น ผลลัพธ์เชิงบวกจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นมากกว่า
ความเสี่ยงต่อแนวโน้มขาขึ้น ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตรอบใหม่ที่เกิดจากมาตรการภาษี หรือการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ตึงตัวขึ้น ในระยะยาว ราคาน้ำมันดิบอาจเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 60 ถึง 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่แนวโน้มขาขึ้นยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัวลง
ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปส่งผลต่อความเชื่อมั่น โดยนักลงทุนกังวลว่าความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างผู้บริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่ทั้งสองรายจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจซบเซาและจำกัดการเติบโตของความต้องการเชื้อเพลิง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค

(ที่มาของแผนภูมิรายวันน้ำมันดิบ WTI: Yihuitong)
จากกราฟรายวัน แรงขายน้ำมันดิบหลังจากสงครามอิสราเอล-อิหร่านยุติลงได้หยุดลงที่แนวรับสำคัญที่ระดับ 64.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้ซื้อยังคงเข้าซื้อบริเวณนี้ โดยวางความเสี่ยงไว้ต่ำกว่าแนวรับอย่างชัดเจน เพื่อทำจุดสูงสุดใหม่ต่อไป หากผู้ขายสามารถดันราคาลงมาต่ำกว่าแนวรับนี้ได้ อาจเกิดการปรับฐานที่ลึกขึ้น โดยราคาเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 55.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อพิจารณาจากกราฟ 4 ชั่วโมง ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปแตะ 69.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะร่วงลงสู่แนวรับอีกครั้ง ช่วงราคานี้อาจกลายเป็นช่วงผันผวนระยะสั้นใหม่ และนักลงทุนในตลาดอาจยังคงซื้อที่แนวรับและขายที่แนวต้านต่อไปจนกว่าจะเกิดการทะลุผ่าน
- ข้อควรระวังและข้อยกเว้นความรับผิดชอบ
- การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาพิจารณาให้รอบคอบ ข้อมูลในบทความนี้ใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้พิจารณาเป้าหมายการลงทุน พฤติกรรมทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บางราย การลงทุนโดยอ้างอิงจากบทความนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง