ทรัมป์โจมตีโฆษณาในออนแทรีโอ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแคนาดา 10%! สงครามการค้าใกล้เข้ามาอีกแล้วหรือ?
2025-10-27 15:06:44

โฆษณาออนแทรีโอจุดชนวนความโกรธของทรัมป์
โฆษณาชี้ให้เห็นถึงผลเสียของภาษีศุลกากรโดยตรง
เหตุการณ์นี้เกิดจากโฆษณาที่รัฐบาลออนแทรีโอผลิตและออกอากาศ โฆษณานี้ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ตุลาคม) ซึ่งเป็นเกมเปิดสนามการแข่งขันเมเจอร์ลีกเบสบอลเวิลด์ซีรีส์ระหว่างทีมโตรอนโตบลูเจย์สและลอสแอนเจลิสดอดเจอร์ส และออกอากาศก่อนหน้าเกมการแข่งขันหลายวัน ทำให้มีผู้ชมจำนวนมาก โฆษณาดังกล่าวอ้างอิงคำปราศรัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้นำพรรครีพับลิกัน โรนัลด์ เรแกน ซึ่งเรแกนกล่าวอย่างชัดเจนว่าภาษีศุลกากรอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า นำไปสู่การสูญเสียงานและหายนะทางเศรษฐกิจ เสียงพากย์ของโฆษณายิ่งตอกย้ำความรู้สึกนี้ โดยเตือนถึงอันตรายของภาษีศุลกากร ที่น่าสังเกตคือ คลิปวิดีโอนี้มาจากคำปราศรัยประจำสัปดาห์ของเรแกน ความยาว 5 นาที ซึ่งตัดต่อเพื่อสร้างจุดยืนต่อต้านภาษีศุลกากรอย่างแข็งขัน
การตอบสนองอันดุเดือดของทรัมป์
ไม่กี่วันหลังจากโฆษณาออกอากาศ ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทรัมป์ ในตอนแรกเขาตอบโต้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 ตุลาคม) โดยระบุว่าโฆษณาดังกล่าว "ทำให้เข้าใจผิด" และประกาศยุติการเจรจาการค้าทั้งหมดกับแคนาดา ต่อมาในวันเสาร์ (25 ตุลาคม) ทรัมป์ได้ยกระดับสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้น โดยโพสต์บนโซเชียลมีเดีย Truth Social ของเขา ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 10% โดยอ้างถึง "การบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรง" และ "การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์" ของรัฐออนแทรีโอ ทรัมป์ยังกล่าวอย่างโกรธเคืองในโพสต์ว่าโฆษณาดังกล่าวควรจะถูกลบออกทันทีที่พบ แต่ออนแทรีโอ "รู้ว่าเป็นโฆษณาหลอกลวง" และยังคงฉายต่อไปในช่วงเวิลด์ซีรีส์
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดากลับมามืดมนอีกครั้ง
จุดยืนที่แข็งกร้าวของทรัมป์
การตัดสินใจล่าสุดของทรัมป์ได้รับการประกาศเมื่อวันจันทร์ (27 ตุลาคม) ขณะที่เขาอยู่บนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน เพื่อเดินทางไปยังการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ประเทศมาเลเซีย เขาได้ระบุอย่างชัดเจนถึงความพึงพอใจในปัจจุบันต่อนโยบายการค้าของแคนาดา และปฏิเสธที่จะพบกับนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ของแคนาดา ถ้อยแถลงนี้ยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ ก็ได้เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าทรัมป์ไม่พอใจแคนาดา และเชื่อว่าการเจรจาการค้าในปัจจุบันไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น
การตอบสนองของแคนาดา
แคนาดาตอบโต้ท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์อย่างรวดเร็ว นายกรัฐมนตรีดั๊ก ฟอร์ด แห่งออนแทรีโอ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขาได้หารือเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ และตัดสินใจระงับโฆษณาที่เป็นประเด็นถกเถียงนี้ตั้งแต่วันจันทร์ (27 ตุลาคม) เป็นต้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกในการกลับมาเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ คาร์นีย์ยังประกาศต่อสาธารณชนในวันเดียวกันว่า แคนาดาพร้อมที่จะกลับมาเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะลดความตึงเครียดลง อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำเนียบขาว และสำนักนายกรัฐมนตรีแคนาดายังไม่ได้ให้ความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้
ความเป็นมาและผลกระทบอันลึกซึ้งของเหตุการณ์
เหตุใดโฆษณานี้จึงกระทบใจทรัมป์?
ความขัดแย้งเกี่ยวกับโฆษณาออนแทรีโอชิ้นนี้เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดจากเนื้อหาและจังหวะเวลา การที่โฆษณามีคำปราศรัยของเรแกนไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเชิงสัญลักษณ์อย่างมากเท่านั้น เรแกนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพรรครีพับลิกัน มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยมชาวอเมริกัน แต่ยังท้าทายนโยบายภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ยึดถือมายาวนานอีกด้วย นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้กำหนดภาษีศุลกากรซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนโยบายที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ การตัดสินใจของออนแทรีโอที่จะออกอากาศโฆษณาชิ้นนี้ในช่วงเวิลด์ซีรีส์ที่ทุกคนรอคอยอย่างไม่ต้องสงสัย ได้ขยายอิทธิพลของโฆษณาชิ้นนี้และทำให้ทรัมป์รู้สึกถูกยั่วยุอย่างเปิดเผย
แนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา
เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อเข้ารับตำแหน่ง คาร์นีย์ได้ยกเลิกภาษีศุลกากรตอบโต้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดที่ประธานาธิบดีคนก่อนกำหนดไว้ เพื่อพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา อย่างไรก็ตาม จุดยืนที่แข็งกร้าวของทรัมป์ชี้ให้เห็นว่าการเจรจาการค้าระหว่างสองฝ่ายยังคงเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ ระหว่างการเดินทางเยือนมาเลเซีย ทรัมป์ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าเขาพอใจกับข้อตกลงการค้าปัจจุบันและไม่มีเจตนาที่จะพบกับคาร์นีย์ ซึ่งสร้างเงาให้กับการเจรจาในอนาคต มีความกังวลอย่างกว้างขวางว่าหากสหรัฐฯ และแคนาดาไม่สามารถจัดการเหตุการณ์นี้ได้อย่างเหมาะสม อาจก่อให้เกิดสงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของทั้งสองประเทศ
สรุป: ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาจะเป็นอย่างไรภายใต้เงาของสงครามการค้า?
โฆษณาที่ดูเหมือนธรรมดาในออนแทรีโอกลับจุดชนวนความโกรธแค้นของทรัมป์อย่างไม่คาดคิด จนนำไปสู่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาครั้งใหม่ ตั้งแต่เนื้อหาของโฆษณา ไปจนถึงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างดุเดือดของทรัมป์ และการตอบสนองอย่างรวดเร็วของแคนาดา เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับโอกาสของการเจรจาการค้าในอนาคตอีกด้วย การตัดสินใจของออนแทรีโอที่จะระงับโฆษณานี้จะช่วยบรรเทาความโกรธแค้นของทรัมป์ได้หรือไม่? สหรัฐฯ และแคนาดาจะหาโอกาสคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนได้หรือไม่? คำถามเหล่านี้จะกระจ่างชัดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดจากโฆษณาเพียงชิ้นเดียวนี้ยังไม่จบลง ทิศทางในอนาคตของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาจะยังคงเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก
การที่ทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าแคนาดา 10% จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านค่าเงินดอลลาร์แคนาดาให้อ่อนค่าลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะสั้น และเพิ่มความไม่แน่นอนในระยะกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (safe-haven) ซึ่งก่อให้เกิดรูปแบบทั่วไปของ "แรงกดดันด้านค่าเงินและโลหะมีค่าได้รับประโยชน์" ผลกระทบที่รุนแรงขึ้นนี้ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก หากแคนาดาสามารถระงับการโฆษณาที่เป็นข้อโต้แย้งและกลับมาเจรจาได้สำเร็จ ผลกระทบอาจบรรเทาลง ในทางกลับกัน สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจกระตุ้นให้ตลาดผันผวนมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า สัปดาห์นี้ตลาดยังคงให้ความสนใจกับสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สัญญาณของความตึงเครียดทางการค้าที่คลี่คลายลงระหว่างสองประเทศก็ทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (safe-haven) อ่อนค่าลงเช่นกัน ทองคำตลาดเกิดใหม่ร่วงลงมาอยู่ที่ประมาณ 4,053 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายทองคำในตลาดเอเชียเมื่อวันจันทร์ แต่การเก็งกำไรยังคงหนุนราคาทองคำต่อไป
เมื่อเวลา 15:03 น. ตามเวลาปักกิ่ง ราคาทองคำสปอตซื้อขายอยู่ที่ 4,076.12 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
- ข้อควรระวังและข้อยกเว้นความรับผิดชอบ
- การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาพิจารณาให้รอบคอบ ข้อมูลในบทความนี้ใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้พิจารณาเป้าหมายการลงทุน พฤติกรรมทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บางราย การลงทุนโดยอ้างอิงจากบทความนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง