เสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้กดดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำจะคงอยู่ในระยะสั้นได้นานแค่ไหน?
2025-07-28 21:45:35

พื้นฐาน:
ขณะนี้ตลาดกำลังให้ความสำคัญกับผลกระทบของนโยบายการค้าที่ผ่อนคลายลง ข้อตกลงใหม่ที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปประกาศขึ้นได้ลดฐานภาษีลงอย่างมากเหลือ 15% ซึ่งต่ำกว่าที่เคยถูกคุกคามไว้ที่ 30% มาก เพื่อแลกกับการเปิดกว้างของสหภาพยุโรปในด้านบริการดิจิทัล เกษตรกรรม และแร่ธาตุสำคัญ ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงแต่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้านภาษีที่ไม่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับความร่วมมือพหุภาคีในอนาคตอีกด้วย
ข้อตกลงนี้ถูกมองว่าเป็นแบบจำลองของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายหลักในการรวมมาตรฐานอุตสาหกรรมและเสริมสร้างความไว้วางใจทวิภาคี ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ข้อตกลงนี้ยังกำหนดกลไกความร่วมมือด้านแร่ธาตุที่สำคัญ ซึ่งอนุญาตให้บริษัทในสหภาพยุโรปได้รับสิทธิประโยชน์จากเงื่อนไขการอุดหนุนของสหรัฐฯ ในพระราชบัญญัติลดเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์เชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างแรงหนุนให้กับดอลลาร์สหรัฐอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งจะยิ่งทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอ่อนค่าลงอีก
ในทางกลับกัน ข้อมูล FedWatch ของ CME แสดงให้เห็นว่าความคาดหวังของตลาดต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนกำลังลดลง โดยมีความเป็นไปได้ 59.5% และ 38.9% ของตลาดยังคงคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม รายงานการประชุม FOMC ที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและแสดงความกังวลเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการปิดกั้นความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะแข็งค่าขึ้นอีก
นอกจากนี้ แนวโน้มการเจรจาการค้าโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง หากการเจรจาไม่ราบรื่น อาจจุดชนวนความกังวลเรื่องเงินเฟ้ออีกครั้ง และอาจเป็นปัจจัยเร่งให้ราคาทองคำฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าในแง่ของภาวะตลาดปัจจุบัน ฝ่ายซื้อยังขาดแรงสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ
ด้านเทคนิค:
จากกราฟเส้น K-line 4 ชั่วโมง ราคาทองคำปัจจุบันกำลังเคลื่อนไหวใกล้เส้นล่างของ Bollinger Band และช่อง Bollinger Band เปิดอยู่อย่างชัดเจน บ่งชี้ว่าความผันผวนระยะสั้นยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคาทองคำได้ลดลงอย่างรวดเร็วจากจุดสูงสุดที่ 3,438.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อให้เกิดโครงสร้างแนวโน้มขาลงระยะสั้นทั่วไป

ราคาได้ร่วงลงต่ำกว่าแนวรับต่ำสุดเดิมที่ 3,360.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างแท้จริง และยังคงวิ่งอยู่ระหว่างแนวกลางและแนวรับล่าง จุดต่ำสุดล่างถูกปรับขึ้นมาที่ 3,320.51 ดอลลาร์สหรัฐฯ บ่งชี้ว่าแนวโน้มการปรับฐานระยะสั้นยังไม่สิ้นสุด ปัจจุบันเส้น Bollinger Band ด้านล่างอยู่ที่ประมาณ 3,308.37 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของการติดตามแนวรับระยะสั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากราคาหลุดแนวรับนี้ โอกาสที่จะทดสอบจุดต่ำสุดที่ 3,282.61 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้งจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในส่วนของตัวบ่งชี้ MACD เส้นเร็วและเส้นช้ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโมเมนตัมแบบคอลัมน์ของการขายชอร์ตจะแสดงสัญญาณการบรรจบกัน แต่ก็ยังไม่ได้สร้างจุดตัดทองคำที่มีประสิทธิภาพและยังคงอยู่ในสถานะจุดตัดตาย ค่า MACD อยู่ที่ -9.43 ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มการขายชอร์ตยังไม่สิ้นสุด และเรายังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงของการลดลงแบบเฉื่อยในระยะสั้น
ตัวบ่งชี้ RSI กำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ขอบของโซน oversold โดยค่าปัจจุบันอยู่ที่ 32.74 แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน แต่ก็อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการดีดตัวทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถกลับขึ้นไปเหนือ 50 ได้อย่างรวดเร็ว ทองคำก็ยังมีโอกาสร่วงลง
จากการวิเคราะห์ข้างต้น ด้านเทคนิคแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาลงของทองคำยังคงมีอิทธิพลเหนือตลาด หากการดีดตัวระยะสั้นไม่สามารถทะลุแนวต้านบนที่ 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ จะถือว่าเป็นการย่อตัวลงอย่างอ่อนแรง
การสังเกตอารมณ์ตลาด:
ภาวะตลาดในปัจจุบันค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจากแนวโน้มการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในอดีต ไปสู่แนวโน้มการจัดสรรสินทรัพย์เสี่ยง ในแง่หนึ่ง ข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้ช่วยคลายความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า และเพิ่มความน่าดึงดูดใจของตลาดหุ้น ในอีกแง่หนึ่ง ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวและดีดตัวขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน ส่งผลให้ความต้องการทองคำลดลง
ในมุมมองของกองทุน สภาพคล่องระยะสั้นยังคงมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ความต้องการเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทำให้สถานะของทองคำในฐานะ "สินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับกองทุน" อ่อนแอลง ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอย่าง MACD และ RSI ยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าฝ่ายซื้อขาดความเชื่อมั่น และความเห็นพ้องของตลาดมีแนวโน้มลดลง แม้ว่าจะยังไม่เกิดแรงขายแบบตื่นตระหนก แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงเป็นขาลงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่าทองคำกำลังอยู่ในภาวะ oversold ทางเทคนิค เทรดเดอร์บางรายอาจพิจารณาการดีดตัวทางเทคนิคระยะสั้น ประกอบกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความคืบหน้าของการค้าโลกที่ตามมา ตลาดยังคงมีปัจจัยสะท้อนกลับที่อาจเกิดขึ้นได้
แนวโน้มในอนาคต:
แนวโน้มขาขึ้น:
นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากการเจรจาการค้าโลกครั้งต่อไปเผชิญกับความผันผวนที่ไม่คาดคิด หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินอีกครั้ง ความกังวลด้านเงินเฟ้อและการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจะได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง และคาดว่าทองคำจะได้รับแรงหนุนและดีดตัวกลับ เมื่อราคาปรับตัวขึ้นเหนือ 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ และทรงตัวที่เส้นกลางของ Bollinger Band เป้าหมายการดีดตัวกลับอาจชี้ไปที่ช่วง 3,390-3,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน หากดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทองคำอาจได้รับแรงหนุนเป็นสองเท่า
แนวโน้มขาลง:
นักวิเคราะห์เชื่อว่าหากราคาทองคำไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 3,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ ฝ่ายขาลงจะยังคงมีอิทธิพลเหนือราคาทองคำต่อไป หากสามารถทะลุแนวต้านล่างของ Bollinger Band ที่ 3,308 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ จะเป็นการเปิดช่องให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อไป โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,280 และ 3,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้น แรงกดดันต่อทองคำจะยังคงเพิ่มขึ้น หรืออาจเข้าสู่รอบขาลงรอบใหม่
- ข้อควรระวังและข้อยกเว้นความรับผิดชอบ
- การลงทุนมีความเสี่ยง กรุณาพิจารณาให้รอบคอบ ข้อมูลในบทความนี้ใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้พิจารณาเป้าหมายการลงทุน พฤติกรรมทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้บางราย การลงทุนโดยอ้างอิงจากบทความนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนเอง